เปิดบทสัมภาษณ์หมออ๋า ผู้เชี่ยวชาญด้าน AI ทางการแพทย์ในหัวข้อ "AI เปลี่ยนแปลงวงการแพทย์อย่างไร" #CARIVA
ปัจจุบัน ประเทศไทยมีแพทย์เพียง 0.5 คนต่อประชากร 1,000 คน ซึ่งต่ำกว่าค่าเฉลี่ยโลกที่อยู่ที่ 1.7 คน ภาระงานของแพทย์ไม่ได้จำกัดแค่การรักษาผู้ป่วยเท่านั้น แต่ยังต้องจัดการงานเอกสารและงานที่ซ้ำซ้อนเป็นจำนวนมาก ส่งผลให้แพทย์ใช้เวลากับคอมพิวเตอร์มากกว่าการดูแลผู้ป่วยโดยตรง หมออ๋าเล็งเห็นว่า AI สามารถช่วยลดภาระงานที่ซ้ำซ้อน และเปิดโอกาสให้แพทย์มีเวลาโฟกัสกับการรักษาผู้ป่วยมากขึ้น ตัวอย่างงานที่ AI สามารถเข้ามาช่วยได้ ได้แก่ การจดบันทึกอัตโนมัติจากเสียงพูดของแพทย์ให้เป็นเอกสารทางการแพทย์ การสรุปข้อมูลประวัติผู้ป่วยและข้อมูลการรักษา และการแนะนำข้อมูลในตำราแพทย์เพื่อสนับสนุนการวินิจฉัยและคำสั่งรักษาเบื้องต้น
นพ.ปิยะฤทธิ์ อิทธิชัยวงศ์ หรือหมออ๋า ปัจจุบันเป็น Head of Medical AI บริษัท แคริว่า (ประเทศไทย) จำกัด รวมถึงอาจารย์แพทย์จากศิริราชและยังศึกษาปริญญาเอกด้าน AI ที่ King’s College London ด้วยพื้นฐานความรู้จากการแข่งขันคอมพิวเตอร์โอลิมปิกและความสนใจด้านปัญญาประดิษฐ์ หมออ๋าจึงก้าวสู่การเป็นผู้ร่วมก่อตั้งทีม PreceptorAIโดยมีเป้าหมายในการใช้ AI ช่วยเหลือบุคลากรทางการแพทย์ให้ทำงานได้อย่างมีประสิทธิภาพมากขึ้น
ระบบ AI ที่หมออ๋าและทีมพัฒนาเป็น Large Multi-modal Model ซึ่งสามารถประมวลผลทั้งเสียง ข้อความ และภาพ โดยใช้โมเดล Open Source เช่น Llama ของ Meta และปรับแต่งให้เหมาะกับข้อมูลทางการแพทย์โดยเฉพาะ โดยมีทีมแพทย์ผู้เชี่ยวชาญช่วยกำหนดชุดข้อมูลที่มีคุณภาพสูง ความสามารถของทีมพัฒนาได้รับการยอมรับในระดับโลก โดยในการแข่งขันบางรายการ เช่น การเขียนรายงานรังสีวิทยา ทีมของหมออ๋าสามารถคว้าอันดับที่ 4 ของโลก
ตัวอย่างการใช้งานจริงของ AI ทางการแพทย์ ได้แก่ ระบบ AI ถอดเสียงที่สามารถแปลงบทสนทนาระหว่างแพทย์และผู้ป่วยให้กลายเป็นประวัติการรักษาโดยอัตโนมัติ (MOR-ASR) และแอปพลิเคชัน กินดี (Gindee) ซึ่งสามารถวิเคราะห์ภาพอาหาร คำนวณแคลอรีและสารอาหาร เพื่อช่วยผู้ป่วยเบาหวานและผู้ที่ต้องควบคุมอาหาร
AI ช่วยลดเวลาทำงานซ้ำๆ ของแพทย์ ทำให้สามารถดูแลผู้ป่วยได้ใกล้ชิดขึ้น อีกทั้งยังช่วยยกระดับคุณภาพของข้อมูลทางการแพทย์ และลดโอกาสเกิดข้อผิดพลาดในการวินิจฉัย อย่างไรก็ตาม อาจมีความกังวลในกลุ่มบุคลากรที่ยังไม่คุ้นเคยกับ AI แต่จากการใช้งานจริง แพทย์หลายคนเห็นว่าระบบช่วยให้ทำงานได้ง่ายขึ้นและแม่นยำขึ้น
หมออ๋ายังกล่าวถึงแนวโน้มของ AGI (Artificial General Intelligence) ซึ่งอาจเกิดขึ้นภายในปี 2025-2026 ตามที่ผู้บริหารของ OpenAI และ Anthropic คาดการณ์ หาก AGI พัฒนาสำเร็จ AI จะมีความสามารถในการคิดวิเคราะห์ที่ใกล้เคียงหรือเหนือกว่ามนุษย์ในหลายด้าน อย่างไรก็ตาม ทักษะที่เกี่ยวข้องกับความเป็นมนุษย์ เช่น การสื่อสารและความเข้าใจอารมณ์ ยังคงเป็นสิ่งที่เทคโนโลยีไม่สามารถทดแทนได้อย่างสมบูรณ์
เป้าหมายของหมออ๋าคือการผลักดันให้ประเทศไทยก้าวขึ้นเป็นศูนย์กลางด้าน Medical AI ในอาเซียนและระดับโลก โดยเสนอให้ภาครัฐและมหาวิทยาลัยร่วมมือกับภาคเอกชนและสตาร์ทอัพ เพื่อพัฒนาโครงสร้างพื้นฐานด้าน AI ทางการแพทย์ และเพิ่มโอกาสให้บุคลากรทางการแพทย์และนักพัฒนา AI ทำงานร่วมกันได้ง่ายขึ้น หมออ๋าเชื่อว่า AI จะช่วยให้แพทย์หนึ่งคนสามารถดูแลผู้ป่วยได้มากขึ้นและมีคุณภาพมากขึ้น พร้อมทั้งลดภาระงานที่ไม่จำเป็น เพื่อให้แพทย์และบุคลากรทางการแพทย์ได้โฟกัสกับสิ่งที่สำคัญที่สุด นั่นคือ การดูแลผู้ป่วย
สรุปได้ว่า หมออ๋าเป็นแพทย์และนักวิจัย AI ที่พัฒนา Large Multi-modal Model เพื่อช่วยงานแพทย์ เช่น AI ถอดเสียงเพื่อจด Medical Record และระบบวิเคราะห์อาหาร (กินดี) เพื่อลดภาระงานซ้ำซ้อนของแพทย์ ระบบเหล่านี้ถูกนำไปใช้จริงในโรงพยาบาลแล้ว บทสัมภาษณ์นี้ยังกล่าวถึงเทคโนโลยีเบื้องหลัง ประโยชน์ในวงการแพทย์ และแนวโน้มการพัฒนาของ AI จนถึงระดับ AGI ซึ่งอาจเป็นจุดเปลี่ยนสำคัญของวงการแพทย์ แต่ก็เน้นย้ำว่า AI ไม่สามารถทดแทนทักษะด้านการสื่อสารและความเข้าใจมนุษย์ของแพทย์ได้อย่างสมบูรณ์
.
#Cariva #MORASR #MedicalAI #Gindee #FoodAI #AIinHealthcare #แคริว่า #AIโภชนาการ #AIการแพทย์